วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"ภาเค่า" 29 ก.ค. 53


เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวาน เวลาประมาณ 5 โมงเย็น แบบว่า...หิวครับ
อารมณ์ประมาณว่าอยากได้ร้านบรรยากาศแอร์เย็นๆ แต่ไม่ใช่ในห้าง
จากไปรษณีย์ลาดพร้าว ดูมาตามทางเรื่อยๆ จนมาติดไฟแดง
ที่แยกรัชดาตัดลาดพร้าว มองไปซ้ายมือ ติดกับโครงการ The Room
"เอ๊ะ นี่มันร้านข้าวนี่นา พึ่งจะเคยเห็น ลองซะหน่อยละกัน"
เลยหน้าร้านมาอีกนิด ซ.ลาดพร้าว30 ก็มีที่จอดรถ พอเดินมาถึงในร้าน
ก็งุนงงเล็กน้อย หน้าร้านมีเคาว์เตอร์แบบจัดเรียงเหมือนร้านส้มตำทั่วไป
แต่ข้างใน เอ๊ะ! มันไม่ใช่ เป็นร้านอาหารติดแอร์ การตกแต่งสไตล์โรมัน
+ จีนโบราณ โต๊ะแต่ละชุดก็ไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าขัดตาเลยทีเดียว

เริ่มเรื่องอาหารกันเถอะ...ทางร้านก็มีทั้งอาหารตามสั่ง จิ้มจุ่ม
และบรรดาอาหารอีสานครบเซ็ท แต่ที่เด่นเลยเห็นจะเป็น "ส้มตำ"
ซึ่งมีถึง 23 เมนูตำให้คุณเลือกชิม ไม่รอช้ามาเลยคับเมนูวันนี้

อย่างแรกที่มาคือ "ต้มแซบกระดูกหมูอ่อน" พอยกมาเสิร์ฟเท่านั้นแหละ
เป็นอันต้องร้องเห้ย! ด้วยความตกใจ เพราะด้วยน้ำต้มแซบที่ใสปิ๊ง
อย่างกับแกงจืด...แต่พอตักชิมเท่านั้นแหละ โอ้ว! แม่เจ้า รสแซบถึงใจ
จนต้องตาโต แล้วเผลอพูดออกมาว่าอร่อย ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวนำ
เค็มกำลังดี และไม่เผ็ดจนเกินไป เรียกได้ว่า "แซบนัว" จริงๆ
กระดูกหมูอ่อนก็เปื่อยได้ที่ ไม่เหนียวหรือแข็งเหมือนขี้เหนียวแก๊ซ
แถมยังมีการนำเห็ดโคนญี่ปุ่นมาเพิ่ม ดูแล้วได้ฟิลต้มแซบไฮโซอีกด้วย


เมนูต่อมาตามด้วย "ตำแตงไข่เค็ม" ไข่เค็มที่ปอกแล้วผ่าออกเป็นกลีบดอกไม้
สี่แฉก วางลงกลางจานบนตำแตง แตงสับชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่ไม่ละเอียด
จนเกินไป รสชาดเปรี้ยวแซบตามสไตล์อาหารอีสาน กินพร้อมกับไข่เค็ม
ได้รสชาดที่กลมกล่อมกำลังดี ทานกับเส้นขนมจีนก็เข้าที...เอิ่งเอย

มื้อนี้ 1. ต้มแซบ 2. ตำแตงไข่เค็ม 3. ข้าวเนียว 4. เส้นขนมจีน
5. น้ำเปล่าขวด+น้ำแข็ง2แก้ว รวม 152 บาท

หลังจากจ่ายค่าเสียหายแล้ว เดินออกมาหน้าร้าน เลยแวะคุยกับแม่ครัวมือตำ
ซะหน่อย เพราะเห็นหญิงหน้าตาดีที่ทำงานอยู่ในร้าน แต่พูดไม่ค่อยชัด
โหงวเฮ้งดีใช้ได้ เห็นแล้วชวนให้คิดว่าคงเป็นเจ้าของร้านชาวต่างชาติ
น้าแม่ครัวมือตำเลยให้ความกระจ่างว่า "ผูนั่นแร่งง่านตางด้าวเด้อ" o.O"
เจ้าของร้านจริงๆคือลุงที่ย่างไก่อยู่หน้าร้านนั่นเอง
สุดท้ายก่อนจากลาน้าแกเลยบอกว่าอาจจะอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน
"ตอนนี้กำลังฝึกเด็กให้มาตำแทนอยู่ เพราะอยู่ที่นี่เขาให้แค่สองหมื่นห้า
พร้อมที่พัก...ที่พอฝนตกน้ำก็รั่ว แต่มีอีกร้านเขาจะซื้อตัวไปให้สามหมื่น
พร้อมที่พัก...แต่อันนี้น้ำไม่รั่ว แถมยังเป็นอาพาร์ทเมนท์อย่างดี
แต่ที่แย่คือพอสอนได้แค่ 2-3 วัน ก็หนีกันไปหมด เพราะ 23 เมนูตำ"
...

นี่แหละคือ..."แม่ครัวมือตำ มือวางติดอันดับ"

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อาสาฬหบูชา ณ "วัดนาป่าพง" 26 ก.ค. 53


หลังจากที่เปิดบล็อคมาได้หลายวัน...แต่ยังไม่มีเวลาได้ลงบทความ
วันนี้วันดี วันพระใหญ่ หรือวันอาสาฬหบูชา ก็ถือเป็นฤกษ์ดี...ขอลงบทความบทแรก

ไหนๆจะดีแล้ว ก็ต้องดีให้สุดๆ วันนี้ก็ได้ไปทำบุญที่ "วัดนาป่าพง"
ทำทั้งทีก็ทำให้เต็มที่ เอ้า! ลงมือทำอาหารไปถวายกันเองซะเลย
อันตัวอาหารนั้นก็ได้ยกหน้าที่ให้เพื่อนโย รับหน้าที่ต้มซุป และทำข้าวผัดไป
ส่วนตัวผมนั้น...ขอต้มชาดำของถนัด

"วัดนาป่าพง" นี้ เป็นวัดป่า พระสงฆ์ในวัดนี้จะฉันอาหารมื้อเดียว
ท่านที่ต้องการไปเพื่อถวายอาหารควรไปก่อนเวลา 8:00น.
ในวันนี้นั้นผมไปถึงเวลาประมาณ 7:45น. ต้องจอดรถริมถนนก่อนถึงปากทางเข้าวัด
มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมาช่วยอำนวยความสะดวกโบกรถอย่างขยันขันแข็ง
เมื่อเห็นจากสภาพจำนวนประชากรรถยนต์หนาแน่นแล้วนั้น
ไม่ต้องห่วงเลยครับ...ญาติโยมยิ่งหนาแน่นกว่า เพราะแต่ละคันคงไม่ได้มาเพียงคนเดียว




พอไปถึงถวายอาหารแล้ว พระสงฆ์และนาคก็จะนำมาจัดเรียงรวมกันบนโต๊ะยาว
ที่จัดไว้เป็นรูปตัวยู (U) ยาวนับยี่สิบเมตร




จากนั้นนั่งสมาธิไป พร้อมๆกับรับฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์เทศน์ (คนอื่นนะ...ตัวผมเก็บภาพอยู่)
คำเทศน์นั้นไม่ใช่คำแต่ง ไม่ใช่แนวคิดจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ หรือแม้แต่ไม่ใช่จากพระอาจารย์ไหนๆ
หากแต่เป็นพุทธวจน หรือคำสอนจากพระพุทธองค์แท้ๆ ซึ่งพระอาจารย์ค้นคว้า และรวบรวมมา
เพื่อถ่ายทอดสู่พุทธศาสนิกชน อันนี้รายละเอียดเป็นอย่างไรคงต้องลองหามาศึกษากันเอง
มิฉนั้นแล้ว...มานจะผิดจากเนื้อหาของบล็อคที่ได้ตั้งใจไว้

พอพระท่านเดินตักอาหารใส่บาตรเพื่อไปฉันเรียบร้อย บรรดาญาติโยมก็เรียงแถวกัน
เพื่อมาตักอาหารไปทานกันตามชอบ แต่ช่วงนี้ผมไม่ได้เก็บภาพมาด้วย เพราะ...ผมหิวครับ
อาหารที่ทุกท่านได้นำมาในแต่ละวันนี้ยังได้เผื่อแผ่ไปถึงชาวบ้าน ที่มาพึ่งบุญวัด ได้อิ่มท้อง
ตลอดจนถึงนำไปฝากลูกหลานที่บ้าน
เพราะอาหารเยอะมาก ลำพังคนที่มาทำบุญเองนั้นทานยังไงก็คงไม่หมด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าคิด...คือคำพูดจากชาวบ้าน ที่ได้ยินมาถึงหูของผมเอง
"ตั๊กไปโลด คนรวยเขาบ่เอาเมื่อดอก"
...

เอาเป็นว่า...ตอนท้ายนี้ก็ขอให้เนื้อหาให้สอดคล้องกับบล็อคนี้ซะหน่อย
นั่นคือ เมนูต่างๆที่ทำไปถวายในวันนี้



1. ข้าวผัดธัญพืชของเพื่อนโย ก็เป็นข้าวผสมธัญพืชที่มีวางขายทั่วไป ผัดใส่ไข่ และปรุงรส




2. ต้มซุป เป็นซุปใส่มันฝรั่ง แครอท หอมใหญ่ มะเขือเทศ ผักชี และน่องไก่บน
โดย ต้มน่องไก่บนทำเป็นน้ำต้มกระดูก ให้เนื้อไก่เปื่อย ของเพื่อนโยเนี่ยเรียกได้ว่าแทบจะละลายในปาก
จากนั้นใส่มันฝรั่ง และแครอท ที่สุกหรือนิ่มยากลงไป พอนิ่มได้ที่แล้วตามด้วยหอมใหญ่,มะเขือเทศ
จากนั้นปรุงรส ตามชอบ แต่ระวังจะไปกลบรสหวานอร่อยของตัววัตถุดิบนะครับ
ต้มอีกนิดให้มะเขือเทศ และหอมใหญ่เปื่อยได้ที่ จากนั้นก็ตักขึ้น โรยหน้าด้วยผักชี เป็นอันเรียบร้อย



3. ชาดำ อันนี้ผมต้มโดยทำรสชาดเป็นกลาง คือดื่มแบบไม่เย็นก็ไม่หวานจนเกินไป
ถ้าใส่น้ำเข็งก็จะได้รสชุ่มชื่นดื่มง่าย
วัตถุดิบที่ใช้ก็คือ ชาตรามือ น้ำตาลทราย และน้ำสะอาด
เริ่มต้นก็ต้มน้ำประมาณ 2 ลิตรให้เดือด และเตรียมชา 400cc ลงต้มที่ไฟอ่อน
เป็นเวลา 10 นาที (ห้ามขาด เพราะจะทำให้รสชาดและกลิ่นหอมของชาไม่เต็มที่
ห้ามเกิน เพราะจะทำให้ชามีรสฝาดได้)
จากนั้นกรองเอาใบชาออก และเติมน้ำผสมลงไปให้ได้ 2.4 ลิตร แล้วต้มต่อให้เดือด
นำน้ำตาล 400cc ใส่ลงไป คนให้ละลาย แล้วพอเดือดก็ปิดไฟ เป็นอันเสร็จ

อิ่มบุญ...และอิ่มท้อง