วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"เครปข้ามวัน" โชคชัยสี่


"เครปข้ามวัน" ที่ผมเรียกอย่างนี้ ก็เพราะวันที่ผมได้ไปลองชิมนั้น
ผมไปตั้งแต่ 3ทุ่มครึ่ง เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าร้านนี้เปิด
3ทุ่ม พอไปถึงก็เห็นมีรออยู่ 3-4 คิว แต่เมื่อไปลงชื่อที่สมุดคิว
ของป้าเจ้าของร้าน...เท่านั้นแหละ ถึงกับต้องผงะ
"คิวที่ 40 เลยคร๊าบบบบโผม" (o.O " )
คนข้างๆเขาเลยบอกว่าป้าแกจะเอาสมุดคิวมาวางไว้หน้าร้าน
ตั้งแต่ช่วงกลางวัน แล้วให้ลูกค้ามาเขียนจองล่วงหน้า
พอถึงคิวถ้ายังไม่มาก็จะให้คนที่นั่งรอก่อน แต่เมื่อคนที่จองไว้
ในคิวก่อนหน้าคนที่รออยู่มาถึง เขาก็จะได้สิทธิ์ต่อจาก
คิวที่กำลังทำอยู่บนเตาทันที ก็จะเกิดแบบนี้ซ้ำไปมา
จนกระทั่งตีสาม จึงเป็นเวลาที่ป้าแกจะตัดคิว
คือจะทำให้เฉพาะคนที่อยู่รอเท่านั้น
จากที่บอกไปว่าผมมาถึงตอน 3ทุ่มครึ่ง
ในที่สุดก็ถึงเวลาคิวของผมครับ นั่นคือเวลาเที่ยงคืนครึ่ง
หรือ 00.30 น. เห็นไหมครับ...เป็นวันใหม่ซะแล้ว
ในจำนวน 40 คิวก็ใช่ว่าจะมากันครบทุกคนนะครับ
แต่ที่เจ็บปวดก็คือ หลายๆคนที่มามักจะสั่งเป็นจำนวนมาก
อย่างกับจะเก็บไว้กินถึงปีหน้า บางคนสั่งเป็น 10 อัน
โดยเขาบอกกล่าวว่า
"แช่ตู้เย็นไว้...เอามาอุ่นไมโครเวฟยังอร่อยเลย" (-.- " )
พอถึงคิวน้องนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่ง
เธอก็เล่าประสบการณ์อันน่าภูมิใจให้ผมฟัง
"หนูกินมาตั้งแต่เรียน ม.ต้น แล้วค่ะพี่
เนี่ยหนูก็ให้เพื่อนที่บ้านอยู่ใกล้ๆนี้มาจองคิวให้ตั้งแต่กลางวัน"
จะกินเครปร้านนี้ทีต้องทำงานเป็นทีมครับ


แต่วันนั้นผมก็สั่งแค่เพียง 2 ชิ้น...พอครับ สงสารคนอื่นที่รอ
เพราะป้าแกกว่าจะทำเสร็จแต่ละชิ้น ใช้เวลาเป็น 10 นาที
(จากที่ลองจับเวลา) ป้าจะเดินเข้าออกร้านเพื่อหยิบของ
เติมเครื่องอยู่ตลอดเวลา ดูแล้วเหนื่อยแทน
เพราะไม่เห็นป้าแกได้นั่งเลย
เอ้า...พูดถึง 2 ชิ้นที่สั่ง ก็เป็นคาว "หมูหยองพริกเผา"
และหวาน "กล้วยหอมราดซอสช็อคโกแลต"
ขอบอกว่าหอมครับ และเครื่องเยอะคุ้มค่ากับราคา
ป้าเขาพิถีพิถันชนิดชิ้นต่อชิ้น อนูต่ออนู ค่อยๆปาด
ค่อยๆวาง ถ้ามีเวลาอีกหน่อยคงเกิดงานศิลปะขึ้นบนแผ่นเครป
ไม่ใช่แค่รูปกาย...แต่รสชาดก็อร่อยสมคำล่ำลือ


เครปญี่ปุ่น เป็นขนมที่ วิวัฒนาการมาจากขนมฝรั่งเศส
นิยมทานกันมากในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น และคนทุกวัย
มีร้านเล็กๆขายเครปแทบทุกที่ตามแหล่งช็อปปิ้ง
จนกระทั่งแผร่หลายมาถึงประเทศไทย แต่ผมก็ไม่รู้หรอก
ว่ามาตั้งแต่เมื่อไร แต่เท่าที่จำได้ ผมได้เจอเจ้าขนมนี้
ครั้งแรกก็ตอนที่ได้มาเที่ยวเล่นห้างสรรพสินค้า
ในกรุงเทพมหานครนี้ เมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้วเห็นจะได้
ด้วยความหลากหลายของวัตถุดิบที่นำมาเป็นไส้ของขนม
ซึ่งให้เราเลือก และทำให้กันแบบสดๆร้อนๆ
เมื่อกลิ่นหอมจากแป้งบนเตาร้อนๆ บวกกับเนย
ที่ทาลงบนแป้งที่เริ่มสุก โชยมากระทบประสาทรับกลิ่น
ของเราๆ เท่านั้นแหละ...คุณเอ๋ย
แม้เดินผ่านยังต้องเหลียวหลัง และในยามเด็กแม้แม่ไม่ยอม
ก็จะดิ้นเอาให้ได้
ถ้าจะดูความนิยมของเครปญี่ปุ่นในประเทศเรานี้
ตัวอย่างร้านนี้คงจะเป็นคำตอบนึงได้อย่างแน่นอน
ถึงขนาดลูกค้าบางคนมาจากตลิ่งชัน
รอคิวตั้งแต่หกโมงเย็น ไปตัดผม ไปเดินเล่น
ไปกินข้าว ทำนู้นนี่นั่น จนได้กินตอนเที่ยงคืนก็ยังมี
ก็ต้องยอมรับครับว่าเครปร้านนี้เขาสุดยอดจริงๆ
สำหรับผมมันอร่อยมากครับ...ผมได้ลิ้มลองมันแล้วแหละ
แล้วคุณล่ะ!!!

การเดินทาง : จากปากทางโชคชัย4(ลาดพร้าว53)
นับซอยมาเลยครับ ร้านจะอยู่ขวามือ เลยแยกโชคชัย4 ซ.54
มานิดเดียว หน้าร้านพรพิมล อยู่เยื้องกับ 7-11

รอเลย...ครั้งเดียวซึ้ง

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"บ้านโปรดปราน" ลาดพร้าวซอย1


ผมหิวข้าว คุณแฟนอยากช็อปปิ้ง
อารมณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกันในเย็นวันนี้
จากที่คุณแฟนอยากได้ต่างหูซักคู่
เพื่อใส่ไปงานแต่งานของเพื่อนเธอ
ที่ใกล้เข้ามา จึงตกลงสถานที่เป็น
"ยูเนี่ยนมอลล์" ส่วนจะกินอะไรนั้น
ค่อยว่ากัน
พอถึงปากซอยลาดพร้าว1 ระหว่างนำรถเข้าจอด
ก็หันไปเจอร้านอาหารน่าสนใจ ดูมีอะไรให้
เลือกทานเยอะดี จอดรถเสร็จไม่รอช้า
ตัวเองจะซื้ออะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ขอเค้ากินก่อนนะ

พอได้โต๊ะนั่ง เมนูก็ตามมา กวาดตาดูจนทั่ว
ถึงได้รู้ว่าร้านนี้ชื่อ "บ้านโปรดปราน" ^^
แล้วก็ไล่สั่งเลย 1.ต้มเลือดหมู 2.ข้าวขาหมู
3.ข้าวซี่โครงหมูอบ และน้ำชาที่ทางร้านมีไว้บริการ
พอสั่งแล้วในใจก็พลันนึกขึ้นว่า "อย่างละ 35 บาท
แพงไปนิดรึป่าวหว่า?...เอาวะแสดงว่าต้องมีดี)

ไม่นานนักอาหารก็มาครบ อย่างแรก "ต้มเลือดหมู"
ต้องบอกได้ว่า ซู๊ดดดดยอด เลือดหมูฉ่ำๆ
อมหวานนิดๆ หมูเด้งกรุบๆ หมูชิ้นนุ่มนิ่มไม่แห้งแข็ง
เครื่องในไร้กลิ่นคาว หมูกรอบอร่อย เสียดายมีให้แค่
ชิ้นเดียว กลมกล่อมด้วยน้ำซุปกระดูกหมู
หอมกลิ่นเครื่องเทศ และใบตำลึง รวมถึงกระเทียมดอง
แต่มีสัมผัสหนึ่งที่แตกต่างจากร้านอื่น คือรู้สึกสดชื่น
ซึ่งผมคิดเอาเองว่าคือขิง รึป่าว?

มาถึงอย่างที่สอง "ข้าวขาหมู" แยกกันครับ ข้าวจาน
ขาหมูอีกชาม...ชามเต็มๆครับ คุ้มสุดๆแล้ว
หมูเปื่อยมาก ทั้งเอ็น และหนังมากันครบ
น้ำต้มขาหมูข้นเหนียวนิดๆ ไม่ใสเหลวจนเกินไป
รสชาดกลมกล่อมไม่เค็มมาก กินพร้อมน้ำจิ้ม
เปรี้ยว เข้ากั๊นเข้ากัน อ่อ...แถมยังมีกระเทียม
ปอกเปลือกไว้ให้พร้อมสรรพ
ตามมาด้วย "ข้าวราดซี่โครงหมูอบ"
อันนี้เปื่อยกำลังดี ไม่ถึงขนาดขาหมู รสชาดหวานนิดๆ
และมีกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ อร่อยจริงๆ

ตบท้ายด้วยขนมหวานซักนิดด้วย "ขนมถ้วย"
พึ่งทำเสร็จร้อนๆเลยครับ กะทิอุ่นๆ ยังไม่เซ็ทตัวดี
ชั้นล่างเป็นสีขาวไม่หวานมาก กินรวมกันแล้วสดชื่นดีจัง
แต่อย่าลืมว่าก่อนเปลี่ยนจากอาหารคาว เป็นขนม
ควรล้างปากด้วยน้ำชา หรือน้ำเปล่าก่อนก็จะดีครับ


ว่าด้วยเรื่องประเภทอาหาร ร้าน "บ้านโปรดปราน" นี้ก็
ไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นจุดขาย
ของร้านนี้ น่าจะมีซัก 3 ข้อ
1.ความคุ้มค่า ทั้งด้านคุณภาพ ราคา รสชาด
และปริมาณ (ถึงแม้จะออกไปทางข้าวน้อย...กับเยอะก็ตาม)
2.การรวมอาหารหลายประเภทไว้ในที่เดียวกัน
อันนี้พบเจอได้ทั่วไป แต่ก็มีบางแห่งที่ไม่ยอมส่งข้ามร้าน
ทำให้ผม และน่าจะลูกค้าอีกหลายคนเคืองได้เหมือนกัน
อยู่ด้วยกันน่าจะช่วยๆกันขายนะ อย่างน้อยลูกค้าก็จะได้
ไม่คิดกันไปว่า "ไปกินที่อื่นเหอะ...อยากกินคนละอย่าง
แต่เขาไม่ส่งว่ะ" (ยังแอบติดใจนะเนี่ย ที่ผมพลาด
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ กับปาท่องโก๋ร้านนี้อยู่)
3.การตกแต่งร้านสไตล์เฉพาะตัว อย่างร้านนี้เขาได้นำ
ของเก่าวินเทจๆ เช่นพวกนาฬิกาลูกตุ้มเก๋ๆ มาประดับ
ไว้เต็มร้านเลยครับ แต่ก็แอบความทันสมัย
ด้วยที่ผมแอบเหลือบไปเห็น CCTV หรือกล้องวงจรปิด
นับคร่าวๆ ถึง 6 ตัวเชียวแหละ...


คราวหน้าเจอกัน..."ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่"

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"มิคกี้เมาส์ ช็อคโกแลตเค้ก" By Victory Bakery สาขางามวงศ์วาน


จากที่เมื่อวันก่อนได้ไปทำธุระแถวนั้น จึงตั้งใจแวะไปซื้อขนมที่ร้าน Victory
ตรงข้าม The Mall งามวงศ์วาน ซักหน่อย
ขนมก็เลือกไปแล้ว 2-3 อย่าง ในขณะที่ต่อคิวจ่ายเงินหน้าแคชเชียร์ก็เหลือบไปเห็น
หนูมิคกี้เมาส์อยู่ในตู้แช่ชั้นบนสุด ด้วยค่าตัวเพียง 20 บาท จึงไม่คิดมาก
"เอ่อ...ขออันนี้เพิ่มอีกชิ้นนึงครับ" จากที่สาขานี้ไม่ค่อยทำให้ผิดหวัง
จึงอยากรู้ว่า 20 บาทเนี่ย เขาจะทำออกมาให้เราปลื้มได้เพียงใด


เมื่อถึงเวลาเปิดตัว ก็หลังจากที่ขนมอย่างอื่นหมดไปตั้งแต่คืนนั้นแล้ว
เหลือเพียงหนูมิคกี้ฉายเดียวอยู่ เริ่มดูกันจากภายนอก
มีการใช้เทคนิคทำให้เกิดหน้าหนูขึ้นบนยอดของเค้ก
ส่วนหูก็ใช้แอลมอนด์สไลด์บางปักลงไป โรยเกร็ดช็อคโกแลตเม็ดๆ
ไว้รอบฐานแล้วห่อด้วยฟลอยด์

จากด้านบนจะเป็นท็อปปิ้งช็อคโกแลต
ตามด้วยครีมเค้ก แล้วจึงเป็นเนื้อเค้กช็อคโกแลตนุ่มกำลังดี
และมีช็อคโกแลตมูสผสมช็อคโกแลตซอสอยู่ตรงกลาง
ท็อปปิ้งเป็นลักษณะแข็ง แว๊บแรกอาจจะทำให้นึกไปถึงท็อปปิ้งถูกๆ
ที่หวานๆ แต่มีกลิ่นช็อคโกแลตเพียงแผ่วเบา
แต่เมื่อได้ชิมจึงรู้ว่า...ไม่ใช่เลย
สำหรับชิ้นนี้ท็อปปิ้งมีความหวานขม กลมกล่อม ตามสไตล์
ช็อคโกแลต ครีมเค้กก็ไม่หวานจนเกินไป
มูสช็อคโกแลตหวานนิดๆ กับช็อคโกแลตซอสขมหน่อยๆ
เรียกได้ว่าอร่อยลงตัว


ถ้าพูดถึงแบรนด์ Victory Bakery ซึ่งมีอยู่หลายสาขา
หลายคนที่เป็นขาประจำ ก็จะต้องนึกถึงความอร่อยหอมนุ่ม
ของเอแคลร์ ขนมขึ้นชื่อของแบรนด์นี้
แต่ผมก็อยากเสนอบางชิ้นบางอัน ที่หลายคนไม่สนใจ หรือมองข้าม
ด้วยว่าหันไปหาของขึ้นชื่อซะก่อนนั่นเอง
แม้สาขาที่มีจะมาก แต่ว่าทุกสาขานั้นก็เป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น
จึงอยากให้เห็นภาพของธุรกิจ ซึ่งไม่เว้นแต่ย่านเดียวกัน
ประเภทเดียวกัน หรือแม้แต่เป็นพี่น้องกัน ก็ยังมีการแข่งขัน
พัฒนาของในร้าน ในจำนวนสาขาที่ผมเคยไปมา
สาขานี้เรียกได้ว่าขายดี และยังมีขนมหลายชนิดที่สุด...

ขนมอร่อย...กินบ่อยๆ แต่ต้องเปลี่ยนชนิด

เว็บไซต์จากบางสาขา http://www.victory-bakery.com/